วิทยาศาสตร์ มีบทบาทสำคัญยิ่งในสังคมโลกจากอดีตมาถึงปัจจุบันและมุ่งสู่อนาคต เพราะวิทยาศาสตร์เกี่ยวข้องกับชีวิตของคนทุกคน ทั้งในการดำรงชีวิตประจำวันและในการประกอบอาชีพต่างๆ เครื่องมือเครื่องใช้ ตลอดจนผลผลิตต่างๆ ที่คนได้ใช้เพื่ออำนวยความสะดวกล้วนเป็นผลจากความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์และศาสตร์อื่นๆ ความรู้วิทยาศาสตร์ช่วยให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างมาก ส่วนด้านเทคโนโลยีก็มีส่วนสำคัญมากที่จะให้มีการศึกษาค้นคว้าความรู้ทางวิทยาศาสตร์เพิ่มขึ้น อย่างไม่หยุดยั้ง (กรมวิชาการ. 2545 ก : ไม่มีเลขหน้า) ดังในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ได้กล่าวไว้ส่วนหนึ่งว่า “รัฐต้องเร่งรัดและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาประเทศ” นับได้ว่าเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่กล่าวถึงบทบาทของวิทยาศาสตร์อย่างชัดเจนในรัฐธรรมนูญ การที่จะก้าวไปสู่เป้าหมายดังกล่าวได้ จำเป็นต้องพัฒนาการจัดการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์อย่างจริงจัง (กรมวิชาการ. 2545 ข: ไม่มีเลขหน้า) อีกทั้งต้องจัดให้ก้าวทันกับสภาวะปัจจุบันของสังคมแห่งการเปลี่ยนแปลงที่มีการสื่อสารข้อมูลความรู้ที่รวดเร็ว ทันสมัยด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง ด้วยลักษณะของโลกาภิวัตน์(Globalization) หรือโลกไร้พรมแดนเพราะเป็นโลกที่มีการติดต่อสื่อสาร การคมนาคมขนส่ง และเทคโนโลยีสารสนเทศ อันแสดงให้เห็นถึงการเจริญเติบโตของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การเมือง เทคโนโลยี และวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงระหว่างปัจเจกบุคคล ชุมชน หน่วยธุรกิจ และรัฐบาล ทั่วทั้งโลก ย่อมกระทบต่อคนในสังคมทุกคนที่จะต้องปรับตัวเรียนรู้ที่จะสามารถดำเนินชีวิตอย่างมีคุณภาพในสังคมการศึกษา นับเป็นวิธีการหรือเครื่องมือที่สำคัญที่จะสามารถดำเนินการ ในรูปแบบต่างๆ ให้เกิดการเรียนรู้และนำไปสู่การปฏิบัติตนให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมดังกล่าว ดังนั้นแล้วครู บุคลากรทางการศึกษาและนักเรียนในฐานะเป็นผู้อยู่ในวงการการศึกษาจะต้องได้รับการพัฒนา ปรับบทบาทของตนเองให้สามารถดำเนินการให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพ โดยครู บุคลากรทางการศึกษาและนักเรียนควรมีพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ทำให้ตนทันสมัย มีลักษณะเทคนิควิธีการใหม่ๆ มาใช้ประกอบการจัดการกระบวนการเรียนรู้ ครูและนักเรียนต้องเป็นผู้ที่ตื่นตัวใฝ่หาความรู้อยู่ตลอดเวลาเพื่อพัฒนาให้เป็นคนเก่ง คนดี และมีความสุข
ที่มา :
วิทยาศาสตร์ออนไลน์.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น